๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ – ๓๑ มกราคม ๒๕๕๗
"ภาพในจินตนาการของผม เต็มไปด้วยความทรงจำซึ่งถูกแช่แข็งเอาไว้พาผมกลับไปยังวิถีชีวิตเดิม ๆ ซึ่งเป็นเพียงอดีตไปแล้ว ภาพถ่ายเปิดมิติให้ผมได้ข้ามไปสู่โลกแห่งอดีตซึ่งร่างกายผมไม่สามารถพาผมไปได้ ยิ่งเวลาผ่านไปและผมมีอายุมากขึ้นเท่าไร ผมยิ่งเห็นคุณค่าของการท่องเวลาย้อนกลับไปยังอดีตมากขึ้นเท่านั้น การเดินทางย้อนเวลาเช่นนี้เองที่ บ่มเพาะให้ผมเห็นคุณค่าทางจิตใจของภาพถ่าย" - มาร์ติน รีฟส์
โรงแรม แทมมาริน วิลเลจ เชียงใหม่ รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมงานกับ มาร์ติน รีฟส์ เพื่อจัดแสดงผลงานล่าสุดของเขา ในนิทรรศการ 'Hidden Realms, Sacred Spaces'ภาพถ่ายที่นำมาจัดแสดงทุกภาพเผยให้เห็นถึงมนต์สะกดและสุนทรียภาพของสถานที่ ๆ น้อยคนจะบันทึกภาพไว้
จุดพลิกผันของชีวิต มาร์ติน รีฟส์ เกิดขึ้น ๒๗ ปีที่แล้ว เมื่อเขาจำเป็นต้องเดินทางไปทำงานที่ประเทศอินเดียเป็นเวลา ๙ สัปดาห์ ครั้งนั้นเองที่ มาร์ติน รีฟส์ หลงรักทวีปเอเชียและได้ค้นพบความสวยงามอย่างมีเอกลักษณ์ของการถ่ายภาพด้วยฟิล์ม โกดัก อินฟราเรด ขาว-ดำ ภาพที่ถ่ายด้วยฟิล์มพิเศษนี้จะเหมือนมีมนต์ขลัง ซึ่งในยุคปัจจุบัน บุคคลทั่วไปอาจคิดว่าเป็นการใช้โปรแกรมทางคอมพิวเตอร์มาแต่งเติม ฟิล์ม อินฟราเรด ขาว-ดำ จะมีความไวต่อลำแสงอินฟราเรด ซึ่งเป็นลำแสงที่สายตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้ เมื่อล้าง ภาพออกมาจะได้ภาพ ขาว-ดำ ที่เผยให้เห็นถึง ลำแสงจากโลกอันแสนลี้ลับเหนือกว่าเส้นสีรุ้ง ซึ่งนัยน์ตาเรา สัมผัสได้ ฟิล์มชนิดพิเศษนี้สรรสร้างมิติใหม่อันคล้ายความฝันให้กับภาพถ่าย ซึ่งเหมาะสมกับเรื่องราวที่ มาร์ติน รีฟส์ ต้องการถ่ายทอดผ่านภาพถ่ายวิหารปรักหักพัง รูปปั้นโบราณ อารามสงฆ์ ดินแดนอันไกลโพ้นพร้อมทั้งกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในสถานที่เหล่านี้ ได้ดีเป็นอย่างยิ่ง
ตั้งแต่ มาร์ติน รีฟส์ ย้ายมาตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทยในปี ค.ศ. 1996 เขาได้ผลิตรายการสารคดีสั้น บันทึกวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ม้งดำ ผู้อาศัยอยู่บนทิวเขาตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ให้กับ Discovery Channel Asia นอกจากนี้ เขาได้เขียนและตีพิมพ์หนังสือ 'Angkor: Into The Hidden Realm' ซึ่งบันทึกภาพถ่ายและประวัติศาสตร์ วิหารต่าง ๆ ในเมืองโบราณของประเทศกัมพูชา ในปี ค.ศ. 1992 สมัยที่กลุ่มเขมรแดงยังมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ภาพถ่าย 4 ภาพจากหนังสือเล่มนี้ ถูกรับเลือกโดย เจ้านโรดม สีหมุนี ให้นำมาเป็นของขวัญตัวแทนประเทศกัมพูชาสำหรับแขกคนสำคัญ ในปี ค.ศ. 2007 มาร์ติน รีฟส์ ได้ถูก รับเชิญให้เป็นหนึ่งในศิลปินผู้บันทึกภาพวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทย สำหรับหนังสือ 'Thailand: 9 Days In The Kingdom' จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสวันคล้ายวัน พระราช สมภพ
โรงแรม แทมมาริน วิลเลจ เชียงใหม่ ซาบซึ้งและชื่นชมในศิลปะและวัฒนธรรม และเพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ไว้ซึ่งความงาม ของศิลปะและวัฒนธรรมเมื่อครั้งในอดีต ทางโรงแรมจึงได้มีการจัดงานนิทรรศการและกิจกรรมพิเศษภายใต้หัวข้อที่เกี่ยวเนื่อง กับศิลปะ และวัฒนธรรม อย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี ซึ่งงานนิทรรศการที่ผ่านมานั้น และล่าสุดเพื่อเป็นการสร้างความแตกต่าง ให้กับงานนิทรรศการที่ผ่านมาที่ได้มุ่งเน้นวัฒนธรรมล้านนาซึ่งเป็นวัฒนธรรม ท้องถิ่นเมืองเหนืออันเป็นสถานที่ตั้งของโรงแรม ทางโรงแรมได้เลือกนำเสนอผลงานภาพถ่ายขาวดำของช่างภาพชาวอังกฤษ สถาปัตยกรรม ศิลปะ และวิถีชีวิตของประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ เช่น ประเทศพม่า, เวียดนาม, กัมพูชา และไทย เพื่อเป็นการนำเสนอหลากหลายอัน มีมิติของศิลปะและวัฒนธรร ม 'Hidden Realms, Sacred Places' นิทรรศการภาพถ่ายโดย มาร์ติน รีฟส์ ช่างภาพชาวอังกฤษ จะเปิดตัวที่โรงแรม แทมมาริน วิลเลจ เชียงใหม่ ในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ นี้ โดยภาพถ่ายที่นำมาจัดแสดงทั้งหมดจำนวน ๓๕ ภาพ
จะนำท่านเข้าสู่การเดินทางไปยังสถานที่อันแสนลี้ลับและศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นปราสาทนครวัด ในประเทศกัมพูชา ซากปรักหักพังของพระปรางค์ริมทะเลสาบอินเล ที่รัฐฉานของประเทศพม่า หรือวัดพู วัดร้างของชนชาติขอมบนยอดเขาริมแม่น้ำโขงในตอนใต้ของประเทศลาว อันเป็นเงาสะท้อนให้เห็นถึงความซาบซึ้งหลงใหลของช่างภาพในความเชื่ออันลึกซึ้ง ของชาวตะวันออกและพลังอันทรงอนุภาพของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเสี่ยงต่อการสาปสูญไปหรือเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับกาลเวลา นิทรรศการฯ จัดแสดงถึงวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗
ภาพพระธาตุอินทร์แขวน หงสาวดี ประเทศพม่า เป็นอีกหนึ่งผลงานภาพถ่ายที่ถูกจัดแสดงในครั้งนี้ ภาพถ่ายนี้แสดงให้เห็นถึง พระพุทธรูปองค์ยักษ์ ๒ องค์ จากทั้งหมด ๔ องค์ ที่หันหน้าออกทั้ง ๔ ทิศ สร้างโดยพระเจ้าธรรมเจดีย์ ใน คริสต์ศตวรรษ ที่ ๑๕ ณ พระธาตุอินทร์แขวน เมืองหงสาวดี หรือ พะโค ประเทศพม่า พระพุทธรูปสูง ๓๐ เมตร ทั้ง ๔ องค์นี้ เป็น ตัวแทนของพระพุทธเจ้า ๔ ชาติ (เจ้าชายสิทธัตถะ พระศากยมุนี เป็นชาติที่ ๔) นับเป็นหนึ่งในพุทธศาสนสถานที่สำคัญที่สุดในกรุงหงสาวดี โดยเชื่อกันว่า ติ่งหูของพระพุทธรูปที่ยาวลงมาถึงหัวไหล่นั้น เหมือนติ่งหูขององค์พระพุทธเจ้าในสมัยยังมีชีวิตอยู่จริง ในภาพถ่ายนี้มีก้อนเมฆขาว บริสุทธิ์อยู่เบื้องหลัง เหมือน เป็นสัญลักษณ์ของการละทิ้งซึ่งตนไปยังหนทางสู่มรรค ๘
อีกหนึ่งผลงานภาพถ่ายที่ถือได้ว่าเป็นไฮไลท์ของงานนิทรรศการ ภาพพระพักตร์ของ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร นครธม ประเทศกัมพูชา นครธมเป็นเมืองหลวง แห่งสุดท้ายและเมืองที่เข้มแข็งที่สุดของอาณาจักรขะแมร์ สถาปนาขึ้นในปลาย คริสต์ศวรรษที่ ๑๒ โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ ๙ ตารางกิโลเมตร อยู่ทางทิศเหนือของ นครวัด ภายในเมืองมีสิ่งก่อสร้างมากมายนับแต่สมัยแรกๆ และที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ และรัชทายาท ใจกลางพระนครเป็นปราสาทหลักของพระเจ้าชัยวรมัน เรียกว่า ปราสาทบายน และมีพื้นที่สำคัญอื่นๆ รายล้อมพื้นที่ชัยภูมิถัดไปทางเหนือจุดเด่นที่สุดคือทางเข้าด้านใต้ ที่มีลักษณะเป็นหน้า ๔ หน้า ก่อนจะเข้าสู่บริเวณนี้ จะเป็นแถวของยักษ์ (อสูร) ทางด้านขวา และเทวดาทางด้านซ้าย เรียงรายแบกพญานาคอยู่สองข้างสะพาน เมื่อเข้าสู่ใจกลางนครธมจะพบสิ่งก่อสร้างต่างๆ บริเวณประตูด้านใต้นี้ได้รับการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ได้ดีกว่าบริเวณอื่นๆ อีก ๓ ด้าน